วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[[Review]] Train to Busan (2016)

[[Review]] หนังใหม่!!! Train to Busan : ด่วนนรก..ซอมบี้คลั่ง (2016)
นำแสดงโดย : Yoo Gong, Dong-seok Ma, Woo-sik Choi
กำกับการแสดงโดย : Sang-ho Yeon
‪#‎TraintoBusan‬

...เรื่องราวของสองพ่อลูกที่พ่อเอาแต่ทำงานและไม่มีเวลาให้กับครอบครับทำให้ภรรยาต้องแยกกันอยู่..และในวันเกิดของลูกสาวพ่อสัญญากับเธอว่าจะพาไปหาแม่ที่เมืองปูซาน เหตุการณ์กลับตาลปัด..เมื่อเชื่อโรคที่แพร่กระจายไปทั่วเกาหลีเพียงไม่กี่ชั่วโมง..ทำให้คนส่วนใหญ่กลายเป็นซอมบี้และเกิดการจลาจลไปทั่วทุกมุมเมือง รวมทั้งรถไฟขบวนที่พวกเขานั่งไปด้วย เขาจึงทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องลูกสาวผู้เป็นที่รักจากฝูงซอมบี้คลั่งรวมถึงท่าแท้ของคนที่จนตรอกในรถไฟขบวนสุดท้ายที่มุ่งหน้าสู่ปูซาน...สุดท้ายพวกเขาจะไปสู่จุดหมายปลายทางหรือไม่..ต้องไปติดตามกันในโรงภาพยนต์นะครับบบบ!!

 










...เรื่องนี้อยากให้แฟนเพจไปดูเป็นอย่างมาก..เป็นหนังซอมบี้ที่ทำออกมาดีที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ..ในหนังมีหลากหลายอารมณ์ทั้งฮา เศร้า ตื่นเต้น ซึ้งน้ำตาแตก..หนังเรื่องนี้มีให้ท่านทุกอารมณ์จริงๆ..แนะนำให้ไปดูพากย์ไทยนะครับ..ทีมพากย์พันธมิตรพากย์ออกมาได้ดีมากๆๆๆๆเข้าถึงอารมณ์ตัวละครจริงๆครับ..หรือใครอยากดูแบบคนฉบับก็ได้นะครับผมอาจจะได้อารมณ์ไปอีกแบบครับ..หนังเรื่องนี้ดึกอารมณ์คนดูได้ดีมากๆ..ตอนแรกเข้าไปดูโดยไม่ได้คาดหวังอะไร..ออกจากโรงมาแล้วรู้สึกดีที่ซื้อตั๋วมาดูกันเลยทีเดียว^^
คะแนนหนัง : 9/10
Review by แว่นเหลือง
ขอขอบคุณภาพจาก : http://www.imdb.com/


ปล.โพสนี้อาจจะสั้นๆนะครับ..ไม่อยากสปอยกันมากอย่ากให้ไปดูจริงๆนาจาาาา!!!
อย่าลืม!!กดLike กดShared เพจ"เล่าหนัง..หลังเลนส์" https://www.facebook.com/movielunglens/ กันเยอะๆนะคร๊าบ..จะได้มีกำลังใจเล่าหนังกันต่อไป commentติชมกันได้นะครับ หรือต้องการให้เราเล่าเรื่องใดเพิ่มเติมสามารถinboxเข้ามาคุยกับเราได้นะคร๊าบบบบบ^^"

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[[Review]] Room : ขังใจไม่ยอมไกลกัน

[[Review]] หนังเก่า!! Room : ขังใจไม่ยอมไกลกัน (2015)
นำแสดงโดย : Brie Larson, Jacob Tremblay, Sean Bridgers
กำกับการแสดงโดย : Lenny Abrahamson




...หากคุณเป็นคนที่คิดว่าโลกนี่มันแคบและไม่น่าอยู่แล้วละก็ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณควรดูเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ!!!




...เรื่องราวเกี่ยวเด็กสาวที่ชื่อว่า "มาร์" (Brie Larson) ที่ทุกลักพาตัวไปตั้งแต่อายุ 15และขังไว้ในสถานที่ที่เรียกว่า "ห้อง" เธอถูกขังอยู่นานราว 7 ปี


...ซึ่งตลอด 7 ปีที่เธออยู่ในห้องนั้น เธอถูกขมขื่นโดย "ตาเฒ่านิคค์" (Sean Bridgers) คนที่จับเธอมาขังเอาไว้ จนเธอตั้งท้องและให้กำเนิด "แจ็ค" (Jacob Tremblay) ลูกชายของเธอภายในห้องนั้น...ทั้งสองอยู่ในห้องนั้นมาโดยตลอดจนกระทั่งแจ็คอายุได้ 5 ขวบ เธอจึ่งสอนให้ลูกชายของเธอได้รู้จักกับโลกภายนอกว่าพื้นที่บนโลกไม่ได้มีแค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่เขาอยู่...



...มาร์จึงว่าแผนหนีโดยทำเป็นว่าแจ็คป่วยจนเสียชีวิต (ไม่น่าเชื่อว่าจะสำเร็จ55555) เพื่อที่ให้นิคค์นำศพแจ็คออกไปจากห้อง..ในช่วงสายของวันนั้นเองสองแม่ลูกได้ซักซ้อมแผนการหลบหนี..จนกระทั่งช่วงเวลานั้นมาถึงพวกเขาทั้งสองทำสำเร็จและแจ็คก็ออกมาสู่โลกภายนอกจนได้..และจากการช่วยเหลือของตำรวจประกอบกับการให้ปากคำแบบงวยงงของแจ็คเด็กน้อยที่ไม่เคยพบกับโลกภายนอก..จนในที่สุดเขาก็ได้พบกับมาร์ แม่ของเขาอีกครั้ง..ทั้งสองจึงเป็นอิสระจากสถานที่ที่เรียกว่า "ห้อง"...



...สำหรับแจ็คแล้วโลกใบใหม่ที่ไม่เคยพบเจออาจทำให้เขาหวาดกลัวผู้คนในช่วงแรกๆ..แต่ไม่นานนักแจ็คก็สามารถปรับตัวและเข้ากับครอบครัวใหม่ของเขาได้เป็นอย่างดี..ส่วนมาร์ตลอดการหายไปของเขาในระยะเวลา 7 ปี ครอบครับที่เคยอบอุ่นกลับแตกแยกเพียงเพราะว่าพ่อ-แม่ของเธอรับไม่ได้ในตอนที่เธอหายไปนั้นเอง...


...โลกใบเดิมของมาร์กลับดูแย่ลงในสายตาและความรู้สึกของเธอจึงทำให้เธอต้องเข้ารับการรักษาจากจิตแพทย์เพื่อรักษาสภาพจิตใจของเธอให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม...



...การรักษาของแพทย์นั้นอาจไม่ได้ผลกับเธอเลย..อาการของเธอน่าเป็นห่วงขึ้นมากจากตอนแรกๆ..แต่สิ่งที่ทำให้เป็นดีขึ้นและกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างปกตินั้น..ก็คือลูกชายสุดที่รักของเธอที่ทำให้เธอมองโลกในมุมใหม่ๆไปพร้อมกับแจ็คลูกชายตัวน้อยของเธอ...


..โดยรวมแล้วหนังดีมากครับการเดินเรื่องเป็นไปอย่างช้าๆแต่ช่วงแรกๆอาจจะงงว่าตัวเอกไปอยู่ที่ไหนแล้วเข้าไปอยู่ในห้องได้ยังงัยแล้วห้องคือที่ไหน(ตอนแรกผมนึกว่าอยู่ในคุก555555) แต่ก็จะค่อยๆเฉลี่ยออกมาที่ละนิดที่ละหน่อย แถมให้เราลุ้นไปกับแจ็คตอนหนีอีกหัวใจจะวายก็ฉากนี้แหละคร๊าบบบบบ!!!


คะแนนหนัง : 8.5/10


ขอขอบคุณภาพประกอบ : http://www.imdb.com/


Review by แว่นเหลือง



อย่าลืม!!กดLike กดShared เพจ https://www.facebook.com/movielunglens  กันเยอะๆนะคร๊าบ..จะได้มีกำลังใจเล่าหนังกันต่อไป commentติชมกันได้นะครับ หรือต้องการให้เราเล่าเรื่องใดเพิ่มเติมสามารถinboxเข้ามาคุยกับเราได้นะคร๊าบบบบบ^^"

[[Review]] Room : ขังใจไม่ยอมไกลกัน

[[Review]] หนังเก่า!! Room : ขังใจไม่ยอมไกลกัน (2015)
นำแสดงโดย : Brie Larson, Jacob Tremblay, Sean Bridgers
กำกับการแสดงโดย : Lenny Abrahamson




...หากคุณเป็นคนที่คิดว่าโลกนี่มันแคบและไม่น่าอยู่แล้วละก็ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณควรดูเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ!!!




...เรื่องราวเกี่ยวเด็กสาวที่ชื่อว่า "มาร์" (Brie Larson) ที่ทุกลักพาตัวไปตั้งแต่อายุ 15และขังไว้ในสถานที่ที่เรียกว่า "ห้อง" เธอถูกขังอยู่นานราว 7 ปี


...ซึ่งตลอด 7 ปีที่เธออยู่ในห้องนั้น เธอถูกขมขื่นโดย "ตาเฒ่านิคค์" (Sean Bridgers) คนที่จับเธอมาขังเอาไว้ จนเธอตั้งท้องและให้กำเนิด "แจ็ค" (Jacob Tremblay) ลูกชายของเธอภายในห้องนั้น...ทั้งสองอยู่ในห้องนั้นมาโดยตลอดจนกระทั่งแจ็คอายุได้ 5 ขวบ เธอจึ่งสอนให้ลูกชายของเธอได้รู้จักกับโลกภายนอกว่าพื้นที่บนโลกไม่ได้มีแค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่เขาอยู่...



...มาร์จึงว่าแผนหนีโดยทำเป็นว่าแจ็คป่วยจนเสียชีวิต (ไม่น่าเชื่อว่าจะสำเร็จ55555) เพื่อที่ให้นิคค์นำศพแจ็คออกไปจากห้อง..ในช่วงสายของวันนั้นเองสองแม่ลูกได้ซักซ้อมแผนการหลบหนี..จนกระทั่งช่วงเวลานั้นมาถึงพวกเขาทั้งสองทำสำเร็จและแจ็คก็ออกมาสู่โลกภายนอกจนได้..และจากการช่วยเหลือของตำรวจประกอบกับการให้ปากคำแบบงวยงงของแจ็คเด็กน้อยที่ไม่เคยพบกับโลกภายนอก..จนในที่สุดเขาก็ได้พบกับมาร์ แม่ของเขาอีกครั้ง..ทั้งสองจึงเป็นอิสระจากสถานที่ที่เรียกว่า "ห้อง"...



...สำหรับแจ็คแล้วโลกใบใหม่ที่ไม่เคยพบเจออาจทำให้เขาหวาดกลัวผู้คนในช่วงแรกๆ..แต่ไม่นานนักแจ็คก็สามารถปรับตัวและเข้ากับครอบครัวใหม่ของเขาได้เป็นอย่างดี..ส่วนมาร์ตลอดการหายไปของเขาในระยะเวลา 7 ปี ครอบครับที่เคยอบอุ่นกลับแตกแยกเพียงเพราะว่าพ่อ-แม่ของเธอรับไม่ได้ในตอนที่เธอหายไปนั้นเอง...


...โลกใบเดิมของมาร์กลับดูแย่ลงในสายตาและความรู้สึกของเธอจึงทำให้เธอต้องเข้ารับการรักษาจากจิตแพทย์เพื่อรักษาสภาพจิตใจของเธอให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม...



...การรักษาของแพทย์นั้นอาจไม่ได้ผลกับเธอเลย..อาการของเธอน่าเป็นห่วงขึ้นมากจากตอนแรกๆ..แต่สิ่งที่ทำให้เป็นดีขึ้นและกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างปกตินั้น..ก็คือลูกชายสุดที่รักของเธอที่ทำให้เธอมองโลกในมุมใหม่ๆไปพร้อมกับแจ็คลูกชายตัวน้อยของเธอ...


..โดยรวมแล้วหนังดีมากครับการเดินเรื่องเป็นไปอย่างช้าๆแต่ช่วงแรกๆอาจจะงงว่าตัวเอกไปอยู่ที่ไหนแล้วเข้าไปอยู่ในห้องได้ยังงัยแล้วห้องคือที่ไหน(ตอนแรกผมนึกว่าอยู่ในคุก555555) แต่ก็จะค่อยๆเฉลี่ยออกมาที่ละนิดที่ละหน่อย แถมให้เราลุ้นไปกับแจ็คตอนหนีอีกหัวใจจะวายก็ฉากนี้แหละคร๊าบบบบบ!!!


คะแนนหนัง : 8.5/10


ขอขอบคุณภาพประกอบ : http://www.imdb.com/


Review by แว่นเหลือง



อย่าลืม!!กดLike กดShared เพจ https://www.facebook.com/movielunglens  กันเยอะๆนะคร๊าบ..จะได้มีกำลังใจเล่าหนังกันต่อไป commentติชมกันได้นะครับ หรือต้องการให้เราเล่าเรื่องใดเพิ่มเติมสามารถinboxเข้ามาคุยกับเราได้นะคร๊าบบบบบ^^"

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[[Review]] Burnt : รสชาติความเป็นเชฟ (2015)

[[Review]] หนังเก่า!! Burnt : รสชาติความเป็นเชฟ (2015) นำแสดงโดย Bradley Cooper, Sienna Miller, Daniel Brühl กำกับการแสดงโดย John Wells

...เรื่องราวของเชฟMichelin Starอย่างAdam Jones (Bradley Cooper) ที่หวนคืนวงการเพื่อไล่ล่าดาวดวงที่3 ให้กับตัวเอง..หลังจากที่ระเห็จไปแกะหอยนางรมที่อเมริกาอยู่ 1 ล้านตัว (ใช้เวลาประมาณ 2 ปี) เพื่อเป็นการทำโทษตัวเองกับความผิดในอดีต เมื่อครบตามจำนวนแล้วเขาจึงกลับมาลอนดอนเพื่อที่จะมาทำตามความฝันของตน...
...โจนส์จึงกลับไปหาเพื่อนเก่าของเขาหลายๆคนเพื่อที่จะรวบรวมพ่อครัวแม่ครัวมือดีมาเป็นทีมให้กับเขาในการเปิดร้านใหม่..ไม่นานนักเขาก็ได้ทีมครบตามที่เขาต้องการ..ยกเว้นแม่ครัวมือดีอย่าง Helene (Sienna Miller) ที่ตัวโจนส์เองอยากได้เขามาเป็นผู้ช่วยมากที่สุดแต่กลับถูกปฏิเสธไป..เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอมาเป็นเชฟให้เขาจนได้...
...เพื่อดาวดวงที่ 3 โจนส์จึงเข้มงวดกับลูกน้องอย่างมาก ในวันที่เปิดร้านวันแรกเขาไม่พอใจในหลายๆอย่าง ความซวยก็มาตกอยู่ที่ลูกน้องสิครับงานนี้..เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดจนเจ้าของร้านอย่างTony (Daniel Brühl) ต้องมาไกล่เกลี่ยให้...

...ด้วยความที่โจนส์เป็นคนหัวโบราณไม่ยอมใช้วิธีใหม่ๆในการทำอาหาร เฮเลนส์จึงบอกเขาว่า..วิธีการใหม่ๆไม่ใช่ว่าจะไม่ดีไปเสียทั้งหมด โจนส์จึงหันมาใช้วิธีการใหม่ดูบ้าง..จึงทำให้กิจการร้านของพวกเขาเปิดตัวได้ราบรื่นในลอนดอน...
...ไม่นานนักคนที่พวกเขารอคอยก็มาปรากฎตัวที่ร้าน..ใช่แล้วครับคนของMichelin..โจนส์จึงตั้งใจทำอาหารให้ดีที่สุดแต่กลับถูกเพื่อนเก่าหักหลังโดยใส่พริกเข้าไปในอาหารด้วยเหตุที่ว่า โจนส์เคยปล่อยหนูเข้าไปในร้านอาหารของเขาและแจ้งกรมอนามัยมาจับในวันที่เพื่อนเปิดร้านวันแรก (สมควรแล้วที่มันจะโกธร) ทำให้ความพยายามของคนทั้งร้านจบลงในคืนนั้น...
...โจนส์ที่สติแตกจากความผิดหวังประกอบกับความเมาจึงคิดที่จะฆ่าตัวตายเขาเดินไปที่ร้านคู่แข่งอย่าง Reece (Matthew Rhys) แต่สุดท้ายรีสเองที่เป็นคนช่วยให้โจนส์กลับมาจับมีดอีกครั้งพร้อมด้วยข่าวดีจากโทนี่ที่ว่าคนที่พวกเขาคิดว่าเป็นคนจากMichelin แท้จริงแล้วเป็นเพียงเซลล์แมนเท่านั้น...
...โจนส์จึงกลับมาทำอาหารที่ร้านอีกครั้ง..แต่ครั้งนี้เขากลับมาพร้อมความเป็นเชฟที่มากกว่าเดิม โดยเปลี่ยนตัวเองและทำอาหารอย่างมีความสุขกับทุกๆคน จนในที่สุดสิ่งที่พวกเขารอคอยก็มาถึง...คนจากMichelinตัวจริงเสียงจริงได้มาที่ร้าน ทุกคนในร้านดีใจกันมากและตื่นเต้นกับการมาของพวกเขา แต่โจนส์กลับนิ่งและพูดกับทุกคนในร้านว่า "ทำทุกอย่าง..เหมือนที่เราทำปกตินั้นแหละ" แล้วหนังก็จบลงพร้อมกับคำว่า..."เสริฟได้!!!"

...โดยรวมแล้วหนังเดินเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเล่าที่มาที่ไปทำให้เราไม่งงครับ คนที่ชอบทำอาหารหรืออยากเป็นเชฟน่าจะชอบหนังเรื่องนี้นะครับ แต่ไม่หวือหว่าตื่นเต้นเท่าไรนักครับ..ดูเรื่อยๆแถมตอนจบยังทิ้งปริศนาธรรมไว้ให้อีกต่างหาก555555
คะแนนหนัง 7/10
เกร็ดความรู้จากเล่าหนัง : Michelin Star เกิดจากบริษัทยางรถยนตร์จากฝรั่งเศส ของสองพี่น้อง อังเดรและเอดเวิร์ด มิชลิน ที่คิดอยากกระตุ้นยอดขายยาง โดยหาวิธีให้คนเดินทางมากขึ้น ก็เลยออกไกด์บุ๊คเล่มเล็กๆ สีแดง ที่เรียกว่า มิชลิน ไกด์ ในปี ค.ศ. 1900 (Michelin Guide) การกำหนดดาวให้ร้านอาหารแต่ละร้านและเชฟจะแบ่งเป็น 3 ขั้น โดยดูจากหลายองค์ประกอบ ทั้งบรรยากาศภายในร้าน รสชาติของอาหาร การตกแต่งอาหาร การบริการ ความสะอาด รวมมไปถึงรสมือของเชฟ
โดยกำหนดความหมายของดาวไว้ดังนี้
1 ดาว สำหรับร้านอาหารระดับที่ดีมาก
2 ดาว สำหรับร้านที่ดีเลิศ
3 ดาว สำหรับการรับประกันประสบการณ์ที่พิเศษสุดๆ จากร้านที่มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และโดยอัตโนมัติ ร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำจากมิชลิน ไกด์ เชฟของร้านนั้นๆ ก็จะได้รับการขนานนามไปด้วยว่า เป็นเชฟระดับมิชลินสตาร์ไปโดยปริยาย
ขอขอบคุณภาพประกอบ : http://www.imdb.com/
Review by แว่นเหลือง

อย่าลืม!!กดLike กดShared https://www.facebook.com/movielunglens/  เพจ"เล่าหนัง..หลังเลนส์" กันเยอะๆนะคร๊าบ..จะได้มีกำลังใจเล่าหนังกันต่อไป commentติชมกันได้นะครับ หรือต้องการให้เราเล่าเรื่องใดเพิ่มเติมสามารถinboxเข้ามาคุยกับเราได้นะคร๊าบบบบบ^^"